top of page

เคล็ดไม่ลับ ฉบับ LinkedIn 2023


LinkedIn คือแพลตฟอร์มมืออาชีพที่ปกติจะใช้เพื่อหา/สมัครงาน แต่ช่วงหลังๆ มานี้ได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่ในการแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ของเหล่ามืออาชีพ ดังนั้นหากสามารถเข้าใจวิธีการทำที่ถูกต้องก็จะสามารถเข้าถึงกลุ่มมืออาชีพได้มากขึ้นโดยไม่ต้องใช้โฆษณา


จำนวนและความถี่ในการลงโพสของ LinkedIn

1 ถึง 3 โพสต่ออาทิตย์ แต่ละโพสให้ลงห่างกัน 18 ชม.

แต่สิ่งที่สำคัญกว่าจำนวนคือความสม่ำเสมอ


ช่วงเวลาลงที่ดีที่สุดในการโพสบน LinkedIn

  • วันจันทร์ 9.30 - 12.00

  • วันอังคาร 8.00 - 11.30

  • วันพุธ 9.00 - 11.00

  • วันพฤหัส 8.00 - 11.30

  • วันศุกร์ 13.00 - 15.30

  • วันเสาร์ 10.00 - 13.30

  • วันอาทิตย์ 12.30 - 14.00

ตัวเลขนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น แต่จริงๆ แล้วแต่ละธุรกิจต้องหาเวลาที่ดีที่สุดของตนเองให้เจอ


จำนวนของ Hashtag ที่ใช้

ไม่น้อยกว่า 2 ตัวและไม่เกินกว่า 6 ตัว


อัตราการเข้าถึงของแต่ละ Format ของ LinkedIn

ชนิด

จำนวนการเข้าถึง

PDF

2.2x-3.7x

Carousel

1.8x-2.3x

ตัวหนังสือและภาพ

1.3x-1.7x

วิดีโอ

0.8x-1.5x

ผลสำรวจ

0.9x-1.2x

โพสที่มีลิงค์ไปนอก LinkedIn

0.4x-0.5x

Newsletter

0.2x-0.9x

บทความ

0.1x-0.2x

น้ำหนักของ Engagement แต่ละชนิด

  • 1 Like = 1 วิวเพิ่ม

  • 1 คลิ๊กเพื่อกด See More = 4 วิวเพิ่ม

  • 1 Share = 7 วิวเพิ่ม

  • 1 Comment** = 12 วิวเพิ่ม

**การคอมเม้นในโพสตัวเอง ไม่แนะนำให้คอมเม้นเองเป็นคนแรก แต่รอให้คนอื่นคอมเม้นก่อนแล้วค่อยคอมเม้นหรือตอบกลับตามจะช่วยให้ได้ 20% การเข้าถึงเพิ่มในชั่วโมงแรกหลังจากการโพส


เปิด Creator Mode

ช่วยเพิ่มการเข้าถึงตั้งแต่ 15% - 35%


12 คำแนะนำหลักนำไปปรับใช้กับ LinkedIn

  1. สร้าง Engagement ให้ได้ภายใน 90 นาทีแรกหลังจากโพส

  2. อย่า Mentioned มากกว่า 15 Accounts ในหนึ่งโพส

  3. ใช้ Emoji ได้มากที่สุด 10 ตัวต่อโพส และแต่ละบรรทัดไม่เกิน 4 ตัว

  4. ข้อความยาวระหว่าง 1,200 - 1,800 ตัวอักษร (ครึ่งหนึ่งของจำนวนตัวอักษรที่ลงได้มากที่สุด)

  5. ตอบคอมเม้นภายใน 12 ชม.

  6. อย่าแก้ไขโพสก่อนผ่านไป 10 นาทีหลังลงใน LinkedIn

  7. มีความสม่ำเสมอในการโพสคอนเทนต์ ยิ่งดีหากมีการวาง Content plan แบ่งให้ชัดเจนว่าจะลงอะไรวันใด สร้าง Series ให้ต่อเนื่องและลิงค์ไปโพสก่อนหน้า

  8. หาเวลาที่โพสแล้วได้ Reach และ Engagement สูงแล้วใช้เป็นเวลาหลัก

  9. ใช้ CTA เชิญชวนให้คนมาร่วม Engagement เช่น เห็นด้วยหรือไม่ หรือ คิดว่าอย่างไร

  10. ใช้ Multimedia หลายๆ ประเภทของ LinkedIn ให้ครบไม่ว่าจะเป็น Post (Text,Image,VDO), Articles (Pulse), Document, Poll

  11. เข้าร่วมกลุ่ม LinkedIn ต่างๆ เพื่อแชร์โพสให้เข้าถึงกลุ่มเฉพาะมากขึ้น

  12. อย่าพูดแต่เรื่องของตัวเอง แต่พูดเรื่องที่จะทำให้ชีวิตผู้อื่นดีขึ้น


SSI (Social Selling Index) หากมีมากกว่า 70/100 จะมีโอกาสเข้าถึงเพิ่มอีกถึง 25% ลองเช็ค ที่นี่


Algorithm เบื้องหลังทั้ง 4 ขั้นตอนของ LinkedIn


1. หลังจากที่โพสแล้ว Bot จะแบ่งประเภคอนเทนต์ที่ลงดังนี้


- สแปม - คุณภาพต่ำ - คุณภาพดี


ดังนั้นพยายามสร้างคอนเทนต์ให้มีเนื้อหา มีประโยชน์ที่ดี มากกว่า Click Bait หรือล่อให้เกิด Engagement อย่างเดียว


2. หลังจากนั้น Content จะถูกส่งต่อไปที่ Testing Session


ในขั้นนี้ Bot จะส่ง Contents ไปที่กลุ่ม Audience เล็กๆ เพื่อทดสอบว่ามีความสนใจในคอนเทนต์หรือไม่ก่อน โดยจะวัดจากการที่คนกลุ่มนี้ซ่อนหรือรายงานโพสหรือไม่


3. ขั้นสำคัญ คือ การให้คะแนนโพสจาก Engagement ดังนี้


• Like +1

• Comment +2

• Share +3


ยิ่งได้มากก็มีโอกาสแสดงผลมากขึ้น แต่ถ้าหากได้น้อยโพสก็จะดับทันที


4. ถ้าหากคอนเทนต์ปัง (ผ่าน Bot) จะมีทีมงานจาก LinkedIn มาตรวจสอบอีกครั้ง


เพื่อจะดูว่าควรปล่อยให้คอนเทนต์นี้เป็น Viral หรือไม่ผ่านการแสดงใน Feed แบบ Featured ยิ่งคอนเทนต์ดี ยิ่งมีโอกาสเข้าถึงมาก ยิ่งเข้าถึงมาก ยิ่งมีโอกาสได้ติดตามเพิ่ม


ที่มา 4th Annual Algorithm Research 2022 ของ Richard Van der Blom และ Just Connecting

27 views0 comments
bottom of page